รูปทรงและลักษณะหลังคา 

หลังคาทุกหลังออกแบบมาเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์เฉพาะที่สวยงามน่าดึงดูด ซึ่งอาจเป็นเพียงหนึ่งในข้อควรพิจารณาอีกมากมายที่ควรต้องคำนึงด้วย ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงลักษณะและรูปทรงหลังคาที่พบมากที่สุด เพื่อจะได้เข้าใจถึงลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน

หมายเหตุว่า รูปทรงหลังคาที่จะกล่าวต่อไปนี้ สามารถรวมหรือเชื่อมต่อกันในอาคารเดียว เพื่อสร้างเป็นหลังคาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ โดยอาจนำไปสู่องค์ประกอบที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

ความแตกต่างระหว่างหลังคาทรงลาดสูงและทรงลาดต่ำ

หลังคาทั้งหมดสามารถแบ่งได้ว่าเป็นหลังคาทรงลาดสูงหรือทรงลาดต่ำ กรณีหลังคาทรงลาดต่ำโดยทั่วไปเรียกว่า หลังคาแบน (ดูคำอธิบายด้านล่าง) ส่วนหลังคาทรงลาดสูง 3:12 หรือสูงกว่านี้ (หมายถึงหลังคาสูงขึ้น 3 นิ้วในระยะ 12 นิ้ว) เรียกว่าหลังคาลาดชันสูง

หลังคาแบน

แม้จะมีอีกชื่อเรียก แต่หลังคาแบนก็ไม่ได้แบนไปทั้งหมด หลังคารูปทรงนี้ออกแบบเพื่อระบายน้ำฝนลงสู่พื้นดินได้อย่างเหมาะสม ระยะห่างของหลังคาเป็นตัวกำหนดวัสดุที่ใช้เช่น ความลาดชันของกระเบื้องและหินกาบสามารถอยู่ในช่วงระหว่าง 12.5 ถึง 22 องศาขึ้นอยู่กับผู้ผลิต วัสดุกันน้ำซึมของหลังคาแบน โดยทั่วไปได้แก่ น้ำมันดินโมดิฟายด์ เทอร์โมพลาสติกหรือระบบยางสังเคราะห์ อย่างไรก็ตามหลังคาแบบ Standing Seam ที่มีระยะลาดชัน 1.5 องศา สามารถใช้วัสดุเช่น สังกะสีหรือทองแดงได้

หลังคาแบน

หลังคาเพิงหมาแหงนหรือหลังคาเพิงเดียว

หลังคาเพิงหรือเพิงเดียวมีการออกแบบที่แตกต่างกันด้านความลาดชันอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งประกอบด้วยพื้นผิวเรียบเดียว บางครั้งเรียกว่า หลังคาเพิงเดียวไปจนถึงหลังคาเพิงแหงน และหลังเพิงลาด หลังคาลาดชันในมุมตั้งฉากและไม่ยึดติดกับพื้นผิวหลังคาอื่น ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคหลังคาที่นิยมใช้ในช่วงยุควิกตอเรีย ลักษณะของหลังคาเพิงเดียวมีคล้ายแบบวงกลมหรือผีเสื้อ หลังคาเพิงเดียวทรงกลมมีขอบโค้งอ่อนในขณะที่ทรงผีเสื้อเป็นแบบลาดชันไปยังจุดใดจุดหนึ่ง

หลังคาเพิงแหงน

หลังคาจั่ว

หลังคาลักษณะนี้ คือรูปแบบดั้งเดิมที่สุดแบบหนึ่ง หรือที่เรียกว่าหลังคาลาดซึ่งกำหนดด้วยรูปสามเหลี่ยมทรง “A” ตรงด้านที่ลาดเอียงมาบรรจบกันที่สัน ในขณะที่ส่วนปลายสุดบรรจบที่กำแพงสร้างโดยมีส่วนขยายรูปสามเหลี่ยมซึ่งเรียกว่าหน้าจั่ว ขนาดของด้านข้างกำหนดโดยความต้องด้านคุณสมบัติและไม่จำเป็นต้องมีขนาดเท่ากัน นอกจากนี้ มีบางครั้งที่บ้านหลังใหญ่ต้องการทำหลังคามากกว่าสองหน้าจั่วเพื่อสร้างความลึกเพิ่มเติม และเพื่อรองรับโครงสร้าง หลังคาหน้าจั่วรูปแบบอื่น ๆ ได้แก่ จั่วหักมุม จั่วโค้งและจั่วแปดมุม

หลังคาจั่ว

หลังคา A-Frame

ตามชื่อเลยว่า หลังคา A-frame มีรูปทรงเหลี่ยมตามตัวอักษร “A” ซึ่งมีด้านที่สมมาตรและทำมุม การออกแบบที่แตกต่างมักพบเห็นได้ในอาคารสไตล์ดั้งเดิม เช่น กระท่อมและกระต๊อบแบบชนบทจากนั้นจึงนำมาสร้างบ้านทรง A-frame เจ้าของบ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่เย็นกว่าจะได้ประโยชน์จากการระบายน้ำตามธรรมชาติที่มีให้โดยรูปทรงหลังคา ซึ่งช่วยให้หิมะเลื่อนตกลงมาได้ ลดโอกาสที่มันจะแข็งตัวแล้วเกิดปัญหาตามมาภายหลัง

หลังคา A-Frame

หลังคาปั้นหยา

หลังคาทรงปั้นหยามีลักษณะลาดเอียงทั้งสี่ด้านที่เชื่อมต่อกันในแต่ละด้านของอาคาร การออกแบบรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอาจพบได้บ่อยที่สุด และโดยทั่วไปจะมีสี่หน้าในระยะห่างที่เท่ากันเพื่อสร้างสมมาตรหลังคาที่ไม่โดดเด่น รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นตัวเลือกยอดนิยมเช่นกันและเมื่อนำแบบนี้ไปใช้จึงมีลักษณะคล้ายพีระมิด เนื่องจากไม่มีการใช้หน้าจั่วหรือด้านแนวตั้งอื่น ๆ ในการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังสามารถติดรางน้ำได้อย่างง่ายดายเนื่องจากตำแหน่งของแนวหลังคาที่ด้านบนของผนังสร้าง ดังนั้นหลังคาทรงปั้นหยาจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับอาคารที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มีลมพัดแรง

หลังคาปั้นหยา

หลังคาลาดสองชั้น

หลังคาลาดสองชั้น เป็นรูปแบบหนึ่งของหลังคาทรงปั้นหยาโดยแต่ละส่วนลาดเอียงแบ่งออกเป็นสองชั้น ส่วนที่ใกล้กับผนังสูงชันขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ใต้หลังคาให้มากที่สุด โดยมีระดับความลาดเอียงไปถึงตรงกลาง จากมุมมองด้านนอกให้ความรู้สึกเหมือนหลังคาแบนตรงส่วนด้านบนสุดของบ้านเนื่องจากมองเห็นเฉพาะส่วนที่ลาดชันเท่านั้น ซึ่งเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมในการสร้างบ้านแบบดั้งเดิมในฝรั่งเศสและเยอรมนี อันเป็นผลมาจากสถาปัตยกรรมที่ได้รับการแนะนำโดยนักออกแบบชาวฝรั่งเศส Francois Mansart ในช่วงศตวรรษที่ 15 และ 16

หลังคาลาดสองชั้น

หลังคาทรงจั่วหักมุม

หลังคาจั่หักมุม และหลังคาลาดสองชั้นมีความคล้ายกัน เนื่องจากการออกแบบให้มีความลาดชันสองด้าน อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างรูปแบบจะเห็นได้ชัดเมื่อตรงที่หลังคาจั่วหักมุมจะมีเพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนด้านจากหลังคาลาดสองชั้น โดยหลังคาทรงจั่วหักมุมมีลักษณะลาดชันจน เกือบเป็นแนวตั้งในขณะที่ความลาดชันด้านบนมีระยะห่างที่ต่ำกว่า โดยทั่วไปหลังคาจะยื่นออกมานอกอาคารและใช้ปลายจั่วทรงตั้ง โดยปกติจะพบเห็นได้ตามอาคารต่าง ๆ เช่น บ้านสวน โรงนาและกระท่อมไม้ซุง รวมทั้งมีลักษณะย้อนยุคไปในยุคอาณานิคมจอร์เจียและดัตช์

หลังคาทรงจั่วหักมุม

หลังคาสองชั้น

ด้านหน้าจั่วตั้งอยู่ที่ปลายแต่ละด้านของหลังคาสองชั้น แต่มีรูปทรงอสมมาตรที่มีด้านหนึ่งยาวกว่าอีกด้านหนึ่ง มักพบสร้างเป็นบ้านสไตล์โคโลเนียลที่เก่าแก่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของผู้ตั้งรกรากถิ่นฐานในยุคนิวอิงแลนด์ เช่นเดียวกับภูมิภาคมิดเวสเทิร์น ในช่วงเวลานี้ เจ้าของบ้านที่มีครอบครัวขยายขึ้น สามารถเพิ่มพื้นที่ได้โดยดัดแปลงหลังคาจั่วที่มีอยู่ให้กลายเป็น saltbox เพื่อสร้างห้องเพิ่มเติมตามที่ต้องการ แถมยังประหยัดด้วยการเลือกใช้วัสดุได้หลากหลาย นอกจากนี้บางบ้านที่มีหลังคาลาดสองชั้นยังสร้างเป็นแบบเพิงลาดลงมาเช่นกัน

หลังคาสองชั้น

หลังคาบอนนิท

หลังคาบอนนิท (ฝากระโปรง) มีลักษณะที่ลาดเอียงสองชั้นทั้งสี่ด้าน ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงมองว่าเป็นการดัดแปลงหลังคาทรงจั่วหรือปั้นหยา นอกจากนี้ยังเรียกว่าหลังคาเชิงชายเตะ เนื่องจากความลาดต่ำที่ห้อยอยู่เหนือขอบบ้านที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของฝาระเบียงหรือเฉลียง โดยออกแบบส่วนบนให้มีมุมที่โดดเด่นและมีความลาดชันมากขึ้น ฝากระโปรงเชื่องต่อกันตามแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่นของฝรั่งเศสที่พบในภาคใต้ เช่นมิสซิสซิปปี และลุยเซียนา โดยยังคงเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับกระท่อมและบ้านสวนปศุสัตว์

หลังคาบอนนิท

หลังคารับแสง

หลังคารับแสงจะสร้างหลังคา “ที่สอง” ขึ้นบนส่วนที่ยกขึ้นของอาคารและขนานไปกับหลังคาหลัก องค์ประกอบการออกแบบการรับแสงหมายถึงส่วนที่สูงที่สุดของโครงสร้างส่วน “ห้องโถงใหญ่” บานเกล็ดหรือหน้าต่างโปร่งและช่องระบายอากาศที่รองรับแสงและการระบายอากาศเพิ่มเติม มักจะมีลักษณะเป็นหลังคารับแสงตามความยาวของทางเดินกลางที่ยกขึ้น รูปแบบดังกล่าวมักเห็นได้จากบ้านไร่และอาคารอุตสาหกรรมต่าง ๆ หรืออาจจะพบเห็นตามบ้านในเขตชนบท ซึ่งบางครั้งก็ใช้สร้างป็นที่อยู่อาศัย

หลังคารับแสง

หลังคารูป V หรือหลังคาผีเสื้อ

สังเกตได้ง่าย ๆ ว่าทำไมหลังคาประเภทนี้จึงเรียกว่าหลังคารูปผีเสื้อหรือรูปตัววี เพราะการออกแบบจึงกำหนดชื่อของมันได้อย่างชัดเจน แทนที่จะเป็นทรงลาดที่ชี้ขึ้น แต่กลับด้านเป็นลาดลงเพื่อสร้างเป็นตัว “V” ตรงกลางส่วนหลังคา โดยทั่วไปถือว่าเป็นรูปแบบที่ทันสมัย เพราะหลังคาผีเสื้อเหมาะกับอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีการวางระบบรางน้ำ ทำให้ง่ายต่อการติดตั้งและปกปิดแผงโซลาร์เซลล์ เลอกอร์บูซิเยร์สถาปนิกชาวฝรั่งเศสนำรูปแบบหลังคานี้มาใช้ในชิลี ปี 1930 ก่อนที่จะมาถึงสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางทศวรรษที่ 1940 หลังคาทรงนี้ส่วนใหญ่พบในย่านเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในยุคปรมาณู

หลังคารูป V หรือหลังคาผีเสื้อ

หลังคาโค้ง

รูปทรงโค้งกว้างของหลังคาชนิดนี้ทำให้การออกแบบมีโปรไฟล์ที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ที่สามารถรองรับตัวเองหรือรับน้ำหนักได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความกว้างและกำลังเสริมที่ใช้ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร หลังคาโค้งบาร์เรลและหลังคาโค้งเป็นสองแบบที่พบเห็นบ่อยที่สุด ในขณะที่บางคนเรียกว่าหลังคาโค้งสีรุ้งหรือโกธิค คุณจะเห็นหลังคาโค้งตามบ้านสวน โรงนา คอกม้า โกดังและอาคารเก่าแก่ ในขณะที่รูปลักษณ์แบบมินิมอลยังใช้งานได้ดีกับคุณสมบัติที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ต้องการเพิ่มการกระจายของแสงธรรมชาติให้ได้มากที่สุด

หลังคาโค้ง

หลังคาโดม

หลังคาโดมที่มีรูปทรงครึ่งวงกลมยังคงโครงสร้างเดิมไว้ตลอดทาง โดยบางครั้งปลายยอดจะมีช่องเปิดเป็นวงกลม นี่คือประเภทหลังคาที่มีประวัติอันยาวนานตั้งแต่สมัยโรมันและเปอร์เซีย ขณะเดียวกันก็เป็นส่วนสำคัญของประเพณีการก่อสร้างของชนพื้นเมืองอีกหลายอย่าง จำนวนการใช้รูปแบบหลังคาโดมมีความแตกต่างกันมาหลายยุคหลายสมัย เช่น โดมหัวหอม โดมประกอบ ห้องเก็บของและอื่น ๆ อีกมากมาย หลังคาประเภทนี้ไม่เพียงแต่สร้างรูปลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ยังกันลมได้ดี รวมถึงประหยัดพลังงานได้ดีหากสร้างด้วยวัสดุที่เหมาะสม

 

ทุกเรื่องที่ต้องการรู้เกี่ยวกับการมุงหลังคาตอนที่ 1: การมุงหลังคา 101

คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับข้อกำหนดและการออกแบบหลังคา

หลังคาบ้านคิดเป็นสัดส่วนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของตัวบ้านภายนอก สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจตั้งแต่รูปแบบที่ทำให้ดูดีไปจนถึงความปลอดภัยในบ้าน ว่าอะไรที่ทำให้บ้านของคุณดูสวยเฉียบและ (ที่สำคัญกว่า) กันน้ำได้ดี

เจ้าของบ้านส่วนใหญ่จะต้องเปลี่ยนหลังคาในบางจุด แต่หลายคนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน นั่นคือสาเหตุที่เราจึงทำสรุปข้อกำหนดและส่วนประกอบของการมุงหลังคาที่นิยมใช้กันที่สุด ก่อนจะเริ่มงานมุงหลังคาใด ๆ

หลังคาทำมาจากอะไร?

7 ส่วนประกอบพื้นฐานที่คุณควรรู้สำหรับการมุงหลังคา

ไม้มุงหลังคา (Shingle): ารมุงหลังคาสามารถใช้วัสดุหลากหลายประเภท โดยหน้าที่หลักของมันคือ เพื่อป้องกันวัสดุมุงหลังคาจากสภาพอากาศ ไม้มุงหลังคามักวัดเป็นจตุรัส ซึ่งมีขนาด 100 ตารางฟุต ดังนั้นเมื่อรู้ขนาดของหลัง เช่น ขนาด 2,500 ตารางฟุต คุณจะต้องสั่งซื้อไม้มุงหลังคาจำนวน 25 แผ่น

วัสดุมุง (Sheathing): บอร์ดหรือแผ่นวัสดุที่ติดกับจันทันพรางเพื่อช่วยป้องกันสภาพอากาศให้บ้านของคุณ ส่วนนี้เรียกอีกอย่างว่า ดาดฟ้าหลังคา

ครอบหลังคา (Trim): ติดตั้งเพื่อปกปิดรอยต่อหลังคาตามแนวตะเข้สันหรืออกไก่ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตะเข้สันหรืออกไก่ด้านล่าง)

จันทัน (Rafter): คือแผ่นไม้หรือโลหะภายในบ้านเพื่อรับน้ำหนักวัสดุและไม้มุงหลังคา จันทันถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับหลังคาของคุณ

แผ่นรองใต้หลังคา (Underlayment): ลักษณะคล้ายกระดาษกันน้ำที่ปูทับแผ่นไม้อัดเพื่อป้องกันปัญหาการรั่วซึมจากฝนและหิมะ โดยจะใช้กับแผ่นกันซึมและแผ่นป้องกันไอน้ำ ซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกปิดกั้นอากาศและน้ำ ไม่ให้ซึมผ่านเข้ามาได้

แผ่นปิดครอบ (Flashing): แผ่นโลหะหรือวัสดุชนิดอื่น ๆ ที่ใช้ปิดรอยต่อของหลังคา เพื่อป้องกันการรั่วซึม ซึ่งสามารถปิดรอยต่อของหลังคาได้ทุกจุดที่มีการเปลี่ยนทิศทาง และใช้เพื่อช่วยปิดจุดต่าง ๆ จากองค์ประกอบต่าง ๆ ถ้ามี

รางน้ำฝน (Drainage): คุณสมบัติการออกแบบของหลังคาที่ช่วยให้สามารถระบายน้ำได้ การติดตั้งจะยึดจากค่าความลาดชันหรือระยะห่างของหลังคา ในระยะแนวนอนแต่ละฟุตจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นนิ้ว หรือที่เรียกว่า “ทิศทางท่อ” ตัวอย่างเช่น การเพิ่ม 5 นิ้วในระยะทุก ๆ ฟุตของหลังคา ที่มีความลาดเอียง 5-in-12

องค์ประกอบพื้นฐานในการออกแบบหลังคา

เมื่อเข้าใจส่วนประกอบของหลังคาแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องระบุองค์ประกอบการออกแบบหลังคาและองค์ประกอบใดที่จะใช้กับบ้านของคุณ

  1. ผนังจั่ว (Gable Wall): ส่วนสามเหลี่ยมของบ้านที่ยื่นออกมาจากเชิงชายไปจนถึงจุดสูงสุดของหลังคา
  2. เส้นแนวกลางอกไก่ (Centerline of Ridge): มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เส้นเฉียง จากผนังถึงจันทันใต้ขอบหลังคาที่ปลายจั่ว
  3. อกไก่ (Ridge): เป็นจุดสูงสุดของหลังคา หรือเรียกอีกอย่างว่ายอดหลังคา
  4. ตะเข้ราง (Valley): แนวบรรจบของผืนหลังคาสองระนาบลงมา
  5. เชิงชาย (Eaves): ชายคาที่ห้อยลงมาติดกับผนังด้านนอกของบ้าน
  6. ตะเข้สัน (Hip): จุดสูงสุดที่หลังคาสองระนาบมาบรรจบกัน 
  7. ค้ำยัน (Abutment): โครงสร้างเสริมหลังคาตำแหน่งแนวตั้ง เช่น ผนัง หรือ ปล่องควัน
  8. หน้าต่างหลังคา (Dormers): ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีหหน้าต่างหลังคา แต่การที่มีหน้าต่างยื่นออกมาก็เพื่อรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาที่ห้องใต้หลังคา หรือชั้นสามของบ้าน

ลองออกไปสำรวจและสังเกตว่าหลังคาบ้านคุณมีส่วนประกอบอะไรบ้าง โดยสังเกตว่ามีอกไก่ ตะเข้สัน ค้ำยันและจั่วจำนวนเท่าใด ถ้ากำลังคิดอยากเปลี่ยนหลังคาเร็ว ๆ นี้ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจหน่วยวัดเป็นฟุตและการออกแบบโครงสร้างหลังคาเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมไว้

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำการเปลี่ยนหลังคาบ้าน

  1. ติดตั้งหรือซ่อมแซมหลังคาบ้านล่าสุดเมื่อใด

บ้านคุณมีหลังคาเดิม หรือพึ่งซ่อมหลังคาไปภายในสองสามปีที่ผ่านมานี้หรือไม่ สังเกตไม้มุงหลังคาที่ใช้และจดจำอายุหลังคาของคุณหรืออาจสังเกตการรั่วซึม เพื่อจะกำหนดตารางเพื่อจะได้รู้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนหลังคา การเปลี่ยนหลังคาต้องดูโครงสร้างหลังคาเดิมที่มี รวมถึงประเภทไม้มุงหลังคาที่ใช้ หากใช้ยางมะตอย อายุของมันประมาณ 20 ปี แต่หากใช้ไม้มุงหลังคา อายุการใช้งานราว ๆ 30 ปี   

  1. หลังคามีช่องระบายอากาศทางไหนบ้าง

การระบายอากาศที่เหมาะสม คือสิ่งสำคัญสำหรับระบบหลังคาบ้านที่ดี หากหลังคาบ้านไม่มีการถ่ายเทอากาศ สิ่งที่ตามมาอาจทำให้เกิดเชื้อราและเกิดราน้ำค้างได้ นอกจากช่องระบายอากาศใต้หลังคาแล้ว ยังมีอีกสองสามปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของอากาศผ่านเข้ามาใต้ห้องหลังคาไปสู่ตัวหลังคาได้ 

ดังนั้น รีบขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาเพื่อเช็คสิ่งดังต่อไปนี้:

สังเกตดูฉนวนกันความร้อนว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เพื่อช่วยความร้อนผ่านเข้ามาและการระบายความร้อน ควรติดตั้งแผงกั้นไอน้ำใต้ฉนวนและติดกับเพดานเพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นเพิ่มขึ้นในห้องใต้หลังคา

การมีช่องเปิดและช่องระบายอากาศที่เพียงพอ จะทำให้อากาศหมุนเวียนเข้าและออกได้สะดวก โดยทั่วไปควรมีช่องระบายอากาศหลังคาขนาด 1 ฟุตบริเวณพื้นที่ห้องใต้หลังคาทุก ๆ 150 ตารางฟุต โดยคำนวณหาจำนวนช่องระบายอากาศหลังคาของคุณได้ที่นี่ 

ระยะห่างระหว่างฉนวนกันความร้อนและวัสดุมุงหลังคา อย่างน้อย 1 นิ้ว

  1. ควรใช้ไม้มุงหลังคาประเภทใด

วัสดุของไม้มุงหลังคามีหลายประเภท ตั้งแต่ยางมะตอยไปจนถึงไม้ หรือแม้แต่หินชนวน  วัสดุแต่ละประเภทมีอายุการใช้งานแตกต่างกันและความทนทานของวัสดุขึ้นอยู่กับขนาดหลังคาของคุณ ให้ระวังเรื่องสภาพอากาศที่รุนแรง เช่ม ลมพายุ หรือความหนาวเหน็บ ที่อาจมีส่วนทำให้ไม้มุงหลังคาบ้านแตกร้าวได้ 

  1. สมรรถนะการทนไฟของหลังคา

สมรรถนะการทนไฟ คือ ระบบจำแนกประเภทความทนไฟของวัสดุมุงหลังคาบ้าน การจำแนกประเภทนั้นมีระดับ A, B และ C วัสดุประเภท A มีความต้านทานไฟจากด้านนอกโครงหลังคา สูงที่สุด ซึ่งวัสดุประเภทนี้ได้แก่ ดินกระเบื้อง หลังคาไฟเบอร์กลาส และหลังคาเมทัล

การเข้าใจพื้นฐานโครงสร้างหลังคา จะช่วยให้คุณเข้าในระบบหลังคาปัจจุบันของคุณ และช่วยให้เข้าใจว่ามีวัสดุใดบ้างที่เหมาะกับความลาดชันของหลังคาบ้านคุณ

พร้อมเริ่มงานมุงหลังคาบ้านคุณหรือยัง เราหวังอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้รับการติดต่อและได้ให้ความช่วยเหลือ รวมถึงให้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของคุณได้